ชี้ปัญหาใต้พรมของการรณรงค์ไม่สูบบุหรี่

ในโอกาสวันงดสูบบุหรี่โลก วันที่ 31 พฤษภาคม ในปีนี้ ขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่และการสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชนเกี่ยวกับอันตรายจากควันยาสูบเพื่อพัฒนาสุขภาวะของผู้สูบบุหรี่ บุคคลรอบข้าง รวมถึงผู้ไม่สูบบุหรี่ในประเทศไทยผ่านมาตรการที่เข้มงวดเสมอมา เพราะบุหรี่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ เป็นตัวแปรสำคัญที่ก่อให้เกิดโรคติดต่อไม่เรื้อรัง (Non-Communicable Disease หรือ NCD) ที่คร่าชีวิตคนไทยปีละกว่า 72,000 คน โดยโรคที่เป็นต้นเหตุของการเสียชีวิตมากที่สุดในกลุ่มนี้ ได้แก่ โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจขาดเลือด และโรคทางเดินหายใจอุดกั้นเรื้อรัง ล้วนแต่เกี่ยวข้องกับการสูบบุหรี่อย่างมีนัยสำคัญ

อันตรายของบุหรี่ต่อสุขภาพที่เห็นเป็นที่ประจักษ์นี้ทำให้มาตรการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบได้รับการยอมรับและถูกบังคับใช้อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะกับบุหรี่มวนที่ผลิตจากโรงงานทั้งในประเทศและผ่านการนำเข้าอย่างถูกกฎหมายจากผู้ผลิตต่างชาติ ภายใต้พระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ ที่มีผลให้บุหรี่ที่ผลิตจากโรงงานต้องปรับเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์และมีภาพคำเตือนเกี่ยวกับอันตรายด้านสุขภาพ รวมถึงห้ามมีการสื่อสารและโฆษณาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ยาสูบ ในส่วนของร้านค้าปลีก มีการกำหนดอายุผู้ซื้อและผู้ขาย การตั้งแสดงผลิตภัณฑ์ยาสูบที่หน้าร้านและการแบ่งมวนขายแบบในอดีตก็ไม่สามารถทำได้อีกต่อไป นอกจากนี้ยังมีมาตรการที่มุ่งเปลี่ยนพฤติกรรมการบริโภคของผู้สูบบุหรี่ เช่น การห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ การให้ความรู้เกี่ยวกับอันตรายของบุหรี่ และตัวผู้สูบเองก็ต้องแบกรับภาระด้านราคาที่เพิ่มสูงขึ้นจากการปรับขึ้นภาษีอย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลจากการสำรวจพฤติกรรมด้านสุขภาพของประชากร ปี 2564 จากสำนักงานสถิติแห่งชาติระบุว่าในประเทศไทยมีผู้บริโภคยาสูบที่อายุ 15 ปีขึ้นไปทั้งหมดกว่า 9.9 ล้านคน ในจำนวนนี้เป็นผู้บริโภคยาเส้น 4,608,837 คน คิดเป็นกว่าครึ่งของจำนวนทั้งหมด ซึ่งยาเส้นนั้นมีอันตรายไม่ต่างจากบุหรี่ที่ผลิตจากโรงงานเพราะจำเป็นต้องมีการจุดไฟเผาเพื่อการบริโภคอยู่ แต่มาตรการต่างๆ ที่มีต่อผู้ผลิต ผู้นำเข้า ร้านค้าปลีก รวมถึงผู้บริโภคบุหรี่ที่ผลิตจากโรงงานกลับไม่ได้ถูกนำไปใช้กับยาเส้นในมาตรฐานเดียวกัน

ยาเส้นถูกจัดเป็นหนึ่งในภูมิปัญญาพื้นบ้านของไทย ทำให้มีการเก็บภาษีต่ำกว่าบุหรี่มาก ราคาของยาเส้นจึงถูกกว่าบุหรี่ที่ผลิตจากโรงงานมาก และมีการวางขายได้ทั่วไปอย่างอิสระตามร้านค้าชุมชนเพราะความเข้มงวดของกฎระเบียบยังไม่เท่าเทียมกับบุหรี่มวน สะท้อนให้เห็นว่ามาตรการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบที่มุ่งจะยกระดับสุขภาวะของคนไทยถูกบังคับใช้กับการบริโภคยาสูบเพียง 50% ของประเทศเท่านั้น

นอกจากนี้ ตามรายงานประจำปีฉบับล่าสุดของการยาสูบแห่งประเทศไทยปี 2565 ระบุว่าจำนวนบุหรี่ผิดกฎหมายในตลาดเพิ่มขึ้นถึง 70% โดยคิดเป็นสัดส่วนการบริโภคกว่า 10.3% ในปี 2564 ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา นอกจากบุหรี่เถื่อนจะถูกพบได้ทั่วไปตามหน้าร้านที่ไม่ได้มีใบอนุญาตแล้ว ยังแพร่ระบาดบนเว็บไซต์ออนไลน์ และโซเชียลมีเดียด้วย โดยการสำรวจในเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน 2565 ที่ผ่านมา พบบทสนทนาเกี่ยวกับการซื้อขายบุหรี่เถื่อนบนโซเชียลมีเดียโตขึ้นถึง 97% ซึ่งการแพร่ระบาดของบุหรี่เถื่อนนี้เป็นบ่อนทำลายประสิทธิผลของมาตรการควบคุมยาสูบทั้งมาตรการด้านภาษีและมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี

ชัดเจนว่ามาตรการควบคุมที่เข้มงวดกับบุหรี่ที่ผลิตจากโรงงานอย่างถูกกฎหมายและร้านค้าที่ขายบุหรี่อย่างถูกกฎหมายไม่สามารถบังคับใช้ได้เลยกับยาเส้นและบุหรี่ที่ผิดกฎหมาย ตอกย้ำถึงปัญหาที่ซ่อนเร้นของมาตรการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบที่ไม่ตอบโจทย์ภูมิทัศน์ของอุตสาหกรรมและพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในปัจจุบัน

ปัญหาบุหรี่เถื่อนไม่ได้เป็นความท้าทายต่ออุตสาหกรรมยาสูบไทยเพียงประเทศเดียว แต่เป็นความท้าทายต่อนานาประเทศที่ใช้กลไกด้านภาษีมาลดจำนวนผู้สูบบุหรี่ตามแนวทางที่ได้รับจากกรอบอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมยาสูบ (Framework Conventional on Tobacco Control: FCTC) ขององค์การอนามัยโลก (WHO) เช่นกัน โดยในปีนี้จะมีการจัดประชุมรัฐภาคี (Conference of the Parties หรือ COP) ของกรอบอนุสัญญาครั้งที่ 10 ขึ้นที่ประเทศปานามา รวมถึงการประชุมประเทศสมาชิกของพิธีสารเพื่อกำจัดการค้าที่ผิดกฎหมายในผลิตภัณฑ์ยาสูบ ครั้งที่ 3 เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางการปราบปรามบุหรี่เถื่อนให้มีประสิทธิภาพด้วย

การเลือกประเทศปานามาเป็นสถานที่จัดประชุมระดับโลกครั้งนี้ยังเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นที่จะนำปัญหาบุหรี่เถื่อนขึ้นมาถกเถียงกันอย่างเปิดเผยเพื่อตอบโจทย์เป้าหมายหลักในการลดจำนวนผู้สูบบุหรี่อย่างเป็นรูปธรรมให้กับกรอบอนุสัญญาฯ มากกว่าการลงนามที่ไม่มีข้อผูกมัดเช่นในอดีต La Estrella สื่อท้องถิ่นของปานามารายงานว่าปานามาเปรียบเสมือนศูนย์กลางของการส่งออกบุหรี่เถื่อนไปสู่ตลาดใต้ดินทั่วโลก ในปี 2022 การบริโภคยาสูบกว่า 92% ของปานามาเป็นการบริโภคบุหรี่เถื่อน ซึ่งคิดเป็น 9 ใน 10 ส่วนของการบริโภคยาสูบทั้งหมดของประเทศ นอกจากนี้ปานามายังส่งออกบุหรี่เถื่อนไปยังประเทศเพื่อนบ้านในทวีปอเมริกาและประเทศอื่นๆ ถึงกว่า 8 พันล้านมวนต่อปี

เมื่อมีการขับเคลื่อนจากองค์กรระดับโลกแล้วก็คงถึงเวลาที่ประเทศไทยจะต้องตอบรับและปรับมาตรการควบคุมยาสูบให้เหมาะกับบริบทภายในประเทศด้วยมาตรฐานที่เท่าเทียมกับทุกผลิตภัณฑ์ยาสูบที่มีความอันตรายไม่ต่างกัน รวมถึงขยายการบังคับใช้สู่บุหรี่เถื่อนที่มีสัดส่วนการบริโภคมากกว่า 10% ด้วย เพราะชัดเจนแล้วว่าการบังคับใช้มาตรการแบบสองมาตรฐานส่งผลเสียกับการดำเนินชีวิตและการประกอบอาชีพของผู้ที่เกี่ยวข้องกับบุหรี่ที่ผลิตจากโรงงานเท่านั้น ในขณะที่อีกครึ่งหนึ่งของอุตสาหกรรมไม่ได้อยู่ภายใต้มาตรการควบคุมใดๆ และไม่เคยถูกหยิบยกขึ้นมานำเสนอแม้จะเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้จำนวนผู้บริโภคยาสูบของไทยคงที่มานาน การลงนามในพิธีสารเกี่ยวกับการต่อต้านการค้าบุหรี่ผิดกฎหมาย หรือความพยายามในการสร้างระบบแกะรอยติดตามจึงอาจจะยังไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ตรงจุด เพราะเป็นการบังคับใช้แต่ผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบ ขณะที่การลักลอบค้าบุหรี่ผิดกฎหมายไม่ต้องดำเนินการตามกฎหมายใดๆ แต่สามารถตีตลาดของการยาสูบแห่งประเทศไทยได้อย่างง่ายดาย เมื่อไม่พูดถึงปัญหาที่ซุกซ่อนอยู่ใต้พรมก็คงไม่อาจบรรลุเป้าหมายทางสาธารณสุขของประเทศในระยะยาวได้

ขอบคุณที่มา: https://www.khaosod.co.th/

ข่าวน่าสนใจ
...
บุหรี่เถื่อนเติบโต ทำร้ายร้านค้าบุหรี่ถูกกฎหมาย
ผลกระทบจากบุหรี่เถื่อน

การค้าบุหรี่ผิดกฎหมายในประเทศไทยยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ด้วยสาเหตุมากมาย เช่น ราคาบุหรี่ถูกกฎหมายที่สูงขึ้น การบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เข้มงวด และการเข้าถึงบุหรี่เถื่อนที่ง่ายขึ้น โดยสามารถซื้อขายผ่านช่องทางออนไลน์พร้อมบริการจัดส่งถึงที่ ส่งผลให้สัดส่วนการบริโภคบุหรี่เถื่อนในต้นปี 2567 เพิ่มขึ้นเป็น 25% หรือเท่ากับทุก 4 ซองของการบริโภค จะมี 1 ซองเป็นบุหรี่เถื่อน ซึ่งการเพิ่มขึ้นนี้มากกว่า 2 เท่า เมื่อเทียบกับไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 ที่สัดส่วนการบริโภคบุหรี่เถื่อนอยู่ที่ประมาณ 10% บุหรี่เถื่อนเหล่านี้สร้างผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เนื่องจากบุหรี่เถื่อนมีราคาถูกกว่า ไม่มีภาพหรือข้อความเตือนถึงอันตรายต่อสุขภาพ และยังไม่สามารถตรวจสอบอายุของผู้ซื้อได้ ซึ่งเป็นเหตุให้มาตรการควบคุมการสูบบุหรี่ของรัฐไม่ได้ผล นอกขากนี้ ยังทำให้รัฐบาลสูญเสียรายได้จากภาษีสรรพสามิตและภาษีอื่นๆ ไปอีกกว่า 23,000 ล้านบาทต่อปี หากสามารถนำรายได้ภาษีที่สูญเสียไปนี้กลับเข้าสู่ประเทศได้ เราจะมีงบประมาณเพียงพอสำหรับการสร้างโรงพยาบาลขนาดใหญ่ 800-1,000 เตียงได้ถึง 2 แห่ง หรือสามารถนำไปพัฒนาโครงการต่าง ๆ เพื่อพัฒนาชุมชนได้อีกมากมาย ที่สำคัญกว่านั้น การขยายตัวของบุหรี่เถื่อนยังส่งผลโดยตรงต่อร้านค้าจำหน่ายบุหรี่ถูกกฎหมาย ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ประมาณ 500,000 แห่งทั่วประเทศ เนื่องจากลูกค้าหันไปซื้อบุหรี่เถื่อน ทำให้ยอดขายบุหรี่ของร้านค้าลดลงกว่า 50% เมื่อยอดขายบุหรี่ลดลง ร้านค้าก็สูญเสียโอกาสขายสินค้าชนิดอื่นไปด้วย แม้รายได้จากการขายบุหรี่คิดเป็นประมาณ 20-30% ของรายได้รวมต่อวัน แต่เมื่อรวมกับรายได้อื่นๆ ที่ร้านค้าเสียโอกาสในการขายไป ก็ส่งผลให้ร้านค้ามีรายได้ลดลงเฉลี่ยนประมาณ 700-1,400 บาทต่อวัน รวมเป็นความเสียหายถึง 2,200 ล้านบาทต่อปี ผลกระทบทางตรงอีกประการที่ร้านค้าพบเจอเป็นประจำคือการที่ขบวนการค้าบุหรี่เถื่อนมักนำบุหรี่ปลอมมาหลอกขายให้ร้านค้ารับซื้อไว้ ซึ่งหากร้านค้าไม่สามารถตรวจสอบได้ ก็อาจซื้อบุหรี่ปลอมมาโดยไม่รู้ตัว ทำให้ต้องรับโทษทางกฎหมายและเสียเงินซื้อสินค้าที่ไม่สามารถขายได้ ช่องทางการแจ้งเบาะแสบุหรี่ผิดกฎหมายแจ้งเบาะแสผ่านสมาคมการค้ายาสูบไทย http://ttta.or.th/report-formสายด่วนกรมสรรพสามิต 1713 หรืออีเมล์ excise_hotline@excise.go.thWebsite แจ้งเบาะแส กรมสรรพสามิต แจ้งเบาะแส กรมสรรพสามิตศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย สายด่วนโทร 1567 

อ่านต่อ
...
รู้ได้ไง บุหรี่ซองไหนเป็นบุหรี่ผิดกฎหมายและบุหรี่ปลอม
ผลกระทบจากบุหรี่เถื่อน

บุหรี่ไม่เสียภาษี (Untaxed Cigarette) คือบุหรี่ที่ถูกลักลอบนำเข้าเพื่อจำหน่ายในประเทศไทย ถือเป็นสินค้าที่ผิดกฎหมาย เพราะไม่ได้มีการชำระภาษีอากรตามที่กฎหมายไทยกำหนด บุหรี่ไม่เสียภาษี (untaxed cigarette) ที่พบมากในประเทศไทย สามารถแบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ บุหรี่เถื่อน (Illicit Whites) คือ บุหรี่ที่ถูกลักลอบนำเข้ามาขายในประเทศโดยไม่ผ่านการชำระภาษีศุลกากรหรือภาษีสรรพสามิตตามกฎหมายของประเทศไทย บุหรี่เหล่านี้อาจจะเป็นสินค้าจริงที่ถูกผลิตจากต่างประเทศ เพื่อใช้บริโภคในต่างประเทศ แต่ถูกลักลอบนำเข้ามาในประเทศไทยโดยไม่เสียภาษี หรืออาจจะเป็นบุหรี่ที่ผลิตจากโรงงานที่ไม่ได้มาตรฐาน ปัจจุบัน คิดเป็นสัดส่วนราว 24.8% ของการบริโภคบุหรี่ในประเทศทั้งหมด บุหรี่ปลอม (Counterfeit) คือ บุหรี่ที่ผลิตขึ้นโดยปลอมแปลงเครื่องหมายการค้าและบรรจุภัณฑ์ให้ดูเหมือนแบรนด์ที่มีชื่อเสียง บุหรี่ปลอมพวกนี้ถูกผลิตขึ้นโดยไม่มีมาตรฐาน คิดเป็นสัดส่วนราว 0.8% ของการบริโภคบุหรี่ในประเทศทั้งหมด การจะแยกแยะว่าบุหรี่ซองใดเป็นบุหรี่ที่ถูกกฎหมายหรือบุหรี่ปลอมอาจเป็นเรื่องยาก ทำให้ร้านค้าอาจตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้าบุหรี่เถื่อนที่นำสินค้าไม่ถูกกฎหมายมาจำหน่าย ซึ่งนอกจากร้านค้าจะต้องเสียเงินจากการรับสินค้าผิดกฎหมายเอาไว้แต่ไม่สามารถจำหน่ายต่อได้แล้ว ยังมีความผิดตาม มีโทษจำคุก 1 เดือน หรือโทษปรับเป็นจำนวนเงิน 5 ถึง 15 เท่าของจำนวนภาษีสรรพสามิตที่ต้องชำระ หรือทั้งจำทั้งปรับ ร้านค้าสามารถหลีกเลี่ยงการทำผิดกฎหมายโดยปฏิบัติตามคำแนะนำง่ายๆ ดังต่อไปนี้ ไม่ซื้อบุหรี่จากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ เช่น ผู้ขายที่ไม่ใช่ตัวแทนของบริษัท ร้านค้าออนไลน์ รถเร่ขายสินค้าเป็นครั้งคราว  ตั้งข้อสงสัยเมื่อ ผู้ขายเหล่านี้เสนอราคาพิเศษที่แตกต่างจากราคาในท้องตลาด และขอตรวจสอบบัตรพนักงานตรวจสอบการปลอมแปลงบุหรี่เบื้องต้นได้โดยการสแกน QR CODE จากแสตมป์บนซองบุหรี่เพื่อดูรายละเอียดสินค้าและข้อมูลการชำระภาษีว่าตรงกับสินค้าหรือไม่กรณีมีข้อมูลเกี่ยวกับการค้าบุหรี่ผิดกฎหมาย แจ้งหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ สายด่วนกรมสรรพสามิต 1713 ศูนย์ดำรงธรรม กระทรวงมหาดไทย สายด่วนโทร 1567 หรือช่องทางการแจ้งเบาะแสของสมาคมการค้ายาสูบไทย http://ttta.or.th/report-form ช่องทางการแจ้งเบาะแสบุหรีผิดกฎหมายแจ้งเบาะแสผ่านสมาคมการค้ายาสูบไทย http://ttta.or.th/report-form

อ่านต่อ
...
ปฏิบัติการ ดับควันเมืองโนราห์ บุกทลายเครือข่ายบุหรี่เถื่อน กลางเมืองพัทลุง
ผลกระทบจากบุหรี่เถื่อน

เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการพิเศษกรมการปกครอง ปฏิบัติการ “ดับควันเมืองโนราห์ นำหมายค้นบุกทลายเครือข่ายบุหรี่เถื่อนกลางเมืองพัทลุง พร้อมกัน 7 จุดยึดของกลางจำนวนมาก เผยจังหวัดพัทลุงเป็นเครือข่ายค้าบุหรี่เถื่อนที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคใต้และยัง 1 ใน 3 อันดับแรกเมืองหลวงบุหรี่เถื่อนของประเทศไทย วันที่ 18 ธันวาคม 2567 ที่จังหวัดพัทลุงนายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ นายอิสรา เจริญชาศรี ผู้อำนวยการกองอาสารักษาดินแดน และนายศักดิ์ชัย โรจน์รัตน์ ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการบังคับใช้กฎหมายพนักงานฝ่ายปกครอง นำกำลังเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง และสมาชิกกองอาสารักษาดินแดน รวมกว่า 50 นาย ปูพรมเมืองพัทลุงบุกจับร้านขายบุหรี่เถื่อนและขบวนการลักลอบขนส่งบุหรี่เถื่อนทั้งหมด 7 จุด ได้แก่ เป็นร้านขายบุหรี่เถื่อน จำนวน 3 จุด โกดังเก็บบุหรี่เถื่อน จำนวน 4 จุดยึดของกลางเป็นบุหรี่หนีภาษียี่ห้อต่างทั้งของไทย และของต่างประเทศ จำนวน 400 ลัง สุรายี่ห้อต่างจำนวน 50 ลัง ไพ่ อีกจำนวนหนึ่ง นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ยังสามารถจับกุมผู้ต้องหาที่อยู่ประจำร้ายจำหน่าย และเฝ้าโกดังได้อีก จำนวน 7 ราย พร้อมโพยรายการจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่หลายชุด สำหรับพฤติการณ์ของขบวนการขายบุหรี่เถื่อนดังกล่าว เป็นการเปิดหน้าร้านขายของชำบังหน้าและลักลอบขายบุหรี่เถื่อนให้กับลูกค้าซึ่งเป็นผู้บริโภคบุหรี่เถื่อนโดยตรง อีกทั้งยังทำการค้าส่งบุหรี่เถื่อนให้กับเครือข่ายร้านค้าในพื้นที่อีกจำนวนหลายแห่ง นอกจากนี้ยังมีการกระจายสินค้าบุหรี่เถื่อนไปยังลูกค้าทั่วประเทศ โดยขายผ่านช่องทางออนไลน์และส่งสินค้าผ่านทางบริษัทขนส่งเอกชน สำหรับการปฏิบัติการครั้งนี้เจ้าหน้าที่บอกว่า เริ่มต้นมาจาก กรมการปกครอง ได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวพัทลุง ว่ามีการลักลอบจำหน่ายและขนส่งบุหรี่เถื่อนเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับความเดือดร้อน เพราะลูกหลานเข้าถึงบุหรี่เถื่อนได้โดยง่าย โดยจากการสืบสวนข้อมูลเชิงลึก พบว่าจังหวัดพัทลุงคือ 1 ใน 3 อันดับแรกของเมืองหลวงบุหรี่เถื่อนของประเทศไทย โดยข้อมูลสถิติชี้ว่า กว่า 75% หรือ 3 ใน 4 ซอง ของการบริโภคบุหรี่ในจังหวัดพัทลุง เป็นการบริโภคบุหรี่เถื่อน ซึ่งทำให้ท้องถิ่นในจังหวัดพัทลุงต้องสูญรายได้จากการจัดเก็บภาษีกว่าหลายสิบล้านบาทต่อปี จากแหล่งข่าว พบว่าผู้ค้าบุหรี่เถื่อนกลุ่มนี้ ลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนมาจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจากการตรวจสอบแล้วพบเป็นสินค้าที่แจ้งขนส่งไปยังประเทศที่สามโดยผ่านประเทศไทย แต่กลับถูกลักลอบขนถ่ายจากเรือขนส่งสินค้าแล้วนำสินค้ามาพักไว้ในพื้นที่จังหวัดพัทลุง เพื่อกระจายไปยังพื้นที่อื่น ๆ นอกจากนี้ ยังเชื่อว่าขบวนการดังกล่าวน่าจะมีผู้มีอิทธิพลในพื้นที่อยู่เบื้องหลัง เนื่องจากได้รับข้อมูลมาว่า เมื่อต้นปีมีการจับกุมกลุ่มผู้ลักลอบค้าบุหรี่เถื่อนรายใหญ่ในพื้นที่จังหวัดพัทลุง แต่มีการแอบอ้างเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อไม่ให้ถูกดำเนินคดี และกลุ่มผู้ค้าเหล่านี้ยังคงกลับมาค้าขายได้ตามปกติ ซึ่งจากการสืบสวนของชุดจับกุมก็พบว่าขบวนการดังกล่าวมีการลักลอบขนถ่ายบุหรี่เถื่อนจากโกดังหลายแห่งไปยังร้านค้าต่างๆ ในช่วงกลางวันแสกๆ โดยไม่เกรงกลัวกฎหมายและสายตาเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด โอกาสนี้นายเรืองลักษณ์ เรืองยังมี ผู้อำนวยการสำนักการสอบสวนและนิติการ ฝากถึงประชาชนผู้ที่คิดจะซื้อบุหรี่เถื่อนว่า บุหรี่ที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดมาทั้งหมดนั้น เป็นบุหรี่ปลอมเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งบุหรี่ปลอมเป็นอันตรายต่อสุขภาพทั้งตัวผู้สูบเองและผู้คนรอบข้างเป็นอย่างมาก เพราะไม่รู้ว่ากระบวนการผลิตเป็นอย่างไรมีสารอื่นใดผสมเจือปนอยู่บ้างหรือไม่ ขอบคุณที่มา: https://www.naewna.com

อ่านต่อ
...
ศรชล. ภาค 2 เปิดปฏิบัติการปราบปราม 'บุหรี่เถื่อน' แนะรัฐอุดช่องโหว่กฎหมาย
ผลกระทบจากบุหรี่เถื่อน

ศรชล. ภาค 2 เผยขบวนการบุหรี่เถื่อน พลิกกติกาฟอกดำเป็นขาว จับได้บิ๊กล็อต แต่ติดข้อกฎหมายเอาผิดไม่ได้เต็มที่ ทำรัฐสูญรายได้มหาศาล แนะรัฐบาลเร่งสังคายนาอุดช่องโหว่  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) ศรชล.ภาค 2 ซึ่งรับผิดชอบดูแลพื้นที่อ่าวไทยตอนล่าง เปิดเผยสถานการณ์การลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนทางทะเลว่า บุหรี่เถื่อนเป็นสินค้าผิดกฎหมาย ซึ่งถือเป็นภัยคุกคามประเภทหนึ่งตามกรอบภัยคุกคามทางทะเล 9 ด้าน ของ ศรชล. และเป็นหน้าที่ของ ศรชล. ภาค 2 อยู่แล้วในการป้องกันและปราบปรามทางทะเลโดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ได้เน้นการปราบปรามอย่างเข้มข้น ภายหลังขบวนการลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนได้เปลี่ยนแปลงรูปแบบ จากอดีตเป็นการลำเลียงในลักษณะกองทัพมด ใช้เส้นทางธรรมชาติตามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน แต่ปัจจุบันได้ลุกลามมาตามแนวทะเลภาคใต้และขนกันเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดการขนถ่ายทางทะเลแบบล็อตใหญ่ ผ่านเทคนิคการสำแดงว่าเป็นสินค้าที่กำลังส่งไปยังประเทศที่ 3 แต่กลับมีการขนย้ายใส่เรือประมงขนาดเล็กกลางทะเล เพื่อลักลอบนำกลับเข้ามาขายในประเทศไทย ส่งผลให้การแพร่ระบาดของบุหรี่ขยายเป็นวงกว้างขึ้น ทั้งนี้ สถิติการจับกุมเรือเมื่อเดือน ส.ค. ปี 2566 ศรชล. ภาค 2 ได้ตรวจพบบุหรี่ผิดกฎหมายล็อตใหญ่ จำนวน 1,000 ลัง รวม 10 ล้านมวน และเมื่อ ต.ค. ปี 2567 มีการจับกุมได้อีกจำนวน 528 ลัง หรือกว่า 5,280,000 มวน (ในใบสำแดง 1,050 ลัง หายไปจากใบสำแดง 522 ลัง) ซึ่งรูปแบบการลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้การติดตามจับกุมทำได้ยากกว่าอดีต โดยทำในลักษณะสินค้าผ่านแดนจากประเทศต้นทางมาทางบก ก่อนขนลงเรือโดยผ่าน 2 ท่าเรือหลัก เพื่อไปยังประเทศปลายทาง ในระหว่างที่ขนส่งบนบกจะมีเอกสารครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่สามารถเอาผิดได้ แต่หลังจากที่นำลงเรือและเรือแล่นออกไปแล้ว สินค้าจะไปถึงปลายทางหรือไม่ ไม่มีหน่วยงานไหนจะตรวจสอบได้ การจับกุมจึงยากขึ้น เพราะพื้นที่การตรวจสอบไม่ใช่เพียงแค่บริเวณท่าเรือ แต่เรือที่บรรทุกสินค้าออกไป สามารถขนสินค้าได้ตลอดชายฝั่ง สำหรับการจับบุหรี่เถื่อนล็อตใหญ่เมื่อปี 2566 ของ ศรชล. ภาค 2 นั้น เป็นเพราะเรือได้แล่นเข้าสู่ท่าเรือ จึงควบคุมเรือได้ทั้งลำ การจับกุมทางทะเลถือว่ายากกว่าทางบกค่อนข้างมาก เพราะการที่เรือแล่นอยู่ในทะเล หากผู้กระทำความผิดทราบเบาะแสว่า มีเรือของทหารเรือแล่นออกมาสามารถหลบหลีกได้ เนื่องจากเรือแล่นในทะเลเป็นไดนามิก เลยทำให้การขนถ่ายทำได้ง่าย และสามารถขนได้คราวละมากๆ ส่งผลให้อัตราการเติบโตของบุหรี่เถื่อนมีมากขึ้น แม้ว่าทางทหารเรือจะมีการพัฒนาเทคโนโลยีมาใช้จับกุม หรือใช้เครื่องมือที่มีในการตรวจจับ แต่อีกฝ่ายก็มีวิธีการที่จะหลบหลีกอยู่เสมอ ทั้งโดยการใช้เครื่องมือหรือวิธีการต่างๆ ขณะที่ประเด็นการติดตามเอาผิดกับกระบวนการลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนนั้น ก่อนที่จะมีการขนถ่ายบุหรี่เถื่อนทุกครั้ง ทางศรชล. ภาค 2 จะมีข้อมูลว่า เรือลำนี้มีสินค้าประเภทใดบ้างและต้องรู้วงรอบของการเดินเรือ ที่สำคัญต้องคำนวณความเร็วของเรือแต่ละลำที่จะแล่นไปยังประเทศที่ 3 แต่หากไม่สอดคล้องกับเวลาที่คำนวณ เบื้องต้นให้สันนิษฐานว่า เรือลำนี้กระทำความผิด มีการขนถ่ายสินค้าระหว่างทางแน่นอน ทั้งนี้ ยังต้องพิจารณาข้อมูลที่เกี่ยวข้องทั้งระบบ ข้อมูลบริษัท ข้อมูลเจ้าของเรือว่ามีเรือในสังกัดกี่ลำ ตลอดจนธุรกิจเครือญาติ เพื่อประกอบการพิจารณาในการปฏิบัติภารกิจในแต่ละครั้ง ในส่วนของอุปสรรคในการปฏิบัติหน้าที่ คือ กฎหมายบางฉบับยังมีช่องโหว่ ทำให้ไม่สามารถเอาผิดได้ เช่น กรณีที่จับกุมบุหรี่เถื่อน 1,000 ลัง พร้อมรถที่กำลังจะขนย้ายบุหรี่ 8 คัน โดยมีการขนบุหรี่ขึ้นรถคันแรกแล้ว 30 ลัง ที่เหลืออยู่ระหว่างดำเนินการยังไม่ได้ขนขึ้นรถ ปรากฏว่า บุหรี่ที่อยู่ในเรือทั้งหมดไม่สามารถเอาผิดได้ ในส่วนนี้ไม่ทราบเช่นกันว่า จะสามารถบังคับใช้กฎหมายได้อีกหรือไม่ อีกทั้งยังสามารถประกันเรือของกลางออกไปได้ด้วย ทำให้ผู้กระทำผิดอาจสามารถเอาเรือออกไปกระทำความผิดต่อได้ทั้งที่คดียังไม่สิ้นสุด ถือเป็นช่องว่างทางกฎหมาย ซึ่งหากมีการดำเนินคดีกับกรณีนี้ได้ จะมีโทษปรับถึงสี่พันกว่าล้านบาท ในอนาคตจึงอยากให้มีการแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับข้อเท็จจริง หรือเจตนาของผู้กระทำความผิด อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า ผู้กระทำความผิดก็ทำทุกทาง เพื่ออาศัยช่องโหว่ของกฎหมาย ทำให้สิ่งที่ผิดเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย ซึ่งศรชล. ภาค 2 เป็นหน่วยงานใหม่ การดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดรายใหญ่ต้องทำเอง แต่ยอมรับว่า ความชำนาญในการดำเนินการบนชั้นศาลยังไม่มีความชำนาญเท่ากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง ในส่วนของการประสานงานกับหน่วยงานอื่นในการจับกุมบุหรี่เถื่อนที่ผ่านมา ยังมีปัญหาเรื่องการจับกุมร่วม เพราะต่างคนต่างก็มีอำนาจของตัวเอง หากมี พ.ร.บ. หรือคำสั่งการใดๆ ที่กำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามบุหรี่ในพื้นที่ต้องให้ความร่วมมือตั้งแต่ต้นจนถึงขั้นการดำเนินคดีในชั้นศาล จะทำให้การปราบปรามมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันต้องการให้มีงบประมาณในด้านการข่าว เพื่อหาข้อมูลเชิงลึกด้วย หากมองว่าบุหรี่เถื่อนเป็นปัญหาระหว่างประเทศ เพราะเป็นการลักลอบนำสินค้าเข้ามาจากต่างประเทศ ในขณะที่ประเทศไทยเป็นเพียงประเทศทางผ่านไปยังประเทศปลายทาง ศรชล. ยืนยันว่า ได้มีการประสานความร่วมมือกันอย่างต่อเนื่อง ทั้งเคยทำหนังสือไปยังศูนย์ประสานงานชายแดนไทย-มาเลเซีย เคยประสานผ่านสำนักงานผู้ช่วยทูตที่อยู่ในประเทศปลายทาง เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวข้องกับการนำเข้าสินค้าประเภทบุหรี่ ซึ่งได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากส่วนหนึ่ง ในปี 2568 ศรชล. ภาค 2 มีแนวทางในการป้องกันและปราบปรามบุหรี่เถื่อน โดยจะยังคงมุ่งเน้นไปในพื้นที่ที่ได้รับข่าวสารสำคัญเป็นพิเศษตามที่หน่วยข่าวได้แจ้งมา ก่อนออกเรือไปค้นหาและจับกุม และจะมีการเพิ่มวงรอบการออกเรือตรวจสอบที่มากขึ้น เพื่อเป็นการป้องปรามสิ่งผิดกฎหมายอื่นๆ ด้วย ซึ่งคาดว่าการปฏิบัติหน้าที่ของ ศรชล. ในภาพรวมจะมีประสิทธิภาพและมีผลงานเพิ่มขึ้นจากปี 2567 ขอบคุณภาพและที่มา https://www.thairath.co.th/ https://www.thansettakij.com/

อ่านต่อ

สมัครสมาชิก

สำหรับผู้ประกอบกิจการการค้าผลิตภัณฑ์ยาสูบ และ หรือวิสาหกิจ ในทางการค้าอื่นที่เกี่ยวข้องกับการค้า ผลิตภัณฑ์ยาสูบโดยตรง อัตราค่าลงทะเบียนแรกเข้า 200 บาท และค่าบำรุงสมาคม 100 บาท / 2 ปี (ปีละ 50 บาท เก็บทุกๆ สองปี)

สมาชิกประเภทวิสามัญ สำหรับผู้มีความสนใจหรือมีความรู้เกี่ยวกับยาสูบหรือ ผลิตภัณฑ์ยาสูบหรือ ผู้ประกอบวิสาหกิจในทางการค้า อุตสาหกรรม หรือการเงิน การขนส่งยาสูบ หรือผลิตภัณฑ์ยาสูบ หรือธุรกิจใดๆ อันเกี่ยวเนื่องกับยาสูบ หรือ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ อัตราค่าลงทะเบียนแรกเข้า 1,000 บาท และค่าบำรุงสมาคม 1,000 ต่อปี

แจ้งเบาะแสบุหรี่ผิดกฎหมาย

พบเห็นการซื้อขายบุหรี่ผิดกฎหมาย สามารถแจ้งผ่านช่องทางออนไลน์ของทางสมาคม และสมาคมจะนำข้อมูลเหล่านี้ยื่นต่อหน่อยงานรัฐที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ผู้ที่แจ้งเบาะแสสามารถติดตามผลการแจ้งได้โดยใส่รหัสอ้างอิงที่ได้รับ

แจ้ง
เบาะแส