ข่าวสารเพื่อสมาชิก
...
ภาษีป้ายอัตราใหม่ อะไรเสียเท่าไหร่บ้าง
ข่าวเด่น

ภาษีป้ายอัตราใหม่ กำหนดให้อัตราภาษีป้ายมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 เมื่อวันที่ 14 ก.ค. 2563 คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติ หลักการร่างกฎกระทรวง ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 ตามที่กระทรวงมหาดไทยเสนอ และให้ส่ง ส่านักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา แล้วด่าเนินการต่อไปได้ ร่างกฎกระทรวงดังกล่าว เป็นการแก้ไขปรับปรุงกฎกระทรวง ฉบับที่ 5 ( พ.ศ. 2535 ) ออกตามความในพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 โดยปรับปรุงอัตราภาษีป้ายที่มีอักษรไทยล้วน หรือป้ายที่มีตัวอักษรภาษาไทยปนกับอักษรต่างประเทศและปนกับภาพหรือเครื่องหมายอื่น หรือป้ายที่ ไม่มีอักษรไทยไม่ว่าจะมีภาพหรือเครื่องหมายใด ๆ หรือป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วน หรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ และกำหนดอัตรา ภาษีป้ายขึ้นใหม่ส่าหรับป้ายที่ใช้เครื่องจักรกล ป้ายอักษรวิ่ง และป้ายจออิเล็กทรอนิกส์ที่มีการโฆษณามากกว่าหนึ่งภาพในหกสิบวินาทีโดยกำหนดให้ อัตราภาษีป้ายมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน และเพื่อให้การ จัดเก็บภาษีป้ายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและพัฒนาการหารายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สาระสำคัญของร่างกฎกระทรวง 1. ให้ยกเลิกกฎกระทรวง ฉบับที่ 5 (พ.ศ. 2535) ออกตามความในพระราชบัญญัติภาษีป้าย พ.ศ. 2510 2. กำหนดอัตราภาษีป้ายตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2564 จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2566 ดังนี้   ประเภทป้าย อัตราตามบัญชีท้าย พ.ร.บ.ภาษีป้าย พ.ศ. 2510 อัตราปัจจุบัน อัตราตามร่างกฎกระทรวง 1. ป้ายที่มีอักษรไทยล้วน 10 บาท / 500 ตร.ซม. 3 บาท / 500 ตร.ซม. 5 บาท / 500 ตร.ซม. 2. ป้ายที่มีอักษรไทยปนกับอักษรต่างประเทศ และหรือปนกับภาพ และหรือเครื่องหมายอื่น 100 บาท / 500 ตร.ซม. 20 บาท / 500 ตร.ซม. 26 บาท / 500 ตร.ซม. 3. ป้ายดังต่อไปนี้ (ก) ป้ายที่ไม่มีอักษรไทยไม่ว่าจะมีภาพหรือ เครื่องหมายใด ๆ หรือไม่ (ข) ป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วนหรือทั้งหมดอยู่ใต้ หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ 200 บาท / 500 ตร.ซม. 200 บาท / 500 ตร.ซม 40 บาท / 500 ตร.ซม. 40 บาท / 500 ตร.ซม. 50 บาท / 500 ตร.ซม. 40 บาท / 500 ตร.ซม. 4. ป้ายตามข้อ 1-3 ต่อไปนี้ (ก) มีข้อความ เครอื่ งหมายหรือภาพปรากฏอยู่ ในป้ายไม่เกิน 3 เดือน (ข) มีข้อความ เครอื่ งหมายหรือภาพปรากฏอยู่ ในป้ายเกิน 3 เดือน แต่ไม่เกิน 6 เดือน (ค) มีข้อความ เครอื่ งหมายหรือภาพปรากฏอยู่ ในป้ายเกิน 6 เดือน แต่ไม่เกิน 9 เดือน (ง) มีข้อความ เครอื่ งหมายหรือภาพปรากฏอยู่ ในป้ายเกิน 3 เดือน แต่ไม่เกิน 6 เดือน     1,010 บาท / 500 ตร.ซม. 1,020 บาท / 500 ตร.ซม. 1,030 บาท / 500 ตร.ซม. 1,040 บาท / 500 ตร.ซม.     *อัตราภาษีป้ายขั้นต่ำ หากคิดแล้วภาษีป้ายไม่ถึง 200 บาท ให้เก็บขั้นต่ำที่ 200 บาท *ป้ายที่ไม่เสียภาษี - ป้ายล้อเลื่อน (ต้องเลื่อนเก็บทุกวัน), ป้ายที่ติดในอาคาร, ป้ายชั่วคราว, ป้ายของราชการ, ป้ายของสถานศึกษา, ป้ายของวัด สมาคมฯ มูลนิธิ

อ่านต่อ
...
วันมีผลบังคับใช้ซองบุหรี่รูปแบบใหม่
ข่าวเด่น

ตามที่เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศกระทรวงสาธารณสุขฉบับใหม่ ซึ่งกำหนดให้ตั้งแต่วันที่ 11 มกราคม 2565 เป็นต้นไป ผู้ผลิตหรือผู้นำเข้าบุหรี่ซิกาแรตเพื่อขายในประเทศไทย ต้องปรับเปลี่ยนซองบุหรี่ซิกาแรตให้มีรูปแบบใหม่ตามที่กฎหมายกำหนด สำหรับบุหรี่ซิกาแรตที่บรรจุอยู่ในซองหรือหีบห่อรูปแบบเก่ายังคงสามารถขายได้ต่อไปจนถึงวันที่ 10 เมษายน 2565 เท่านั้น ทั้งนี้ สำหรับผู้ประกอบการร้านค้าปลีก ผู้จำหน่ายบุหรี่ซิกาแรตรายย่อย ที่ยังมีบุหรี่ที่บรรจุอยู่ในซองรูปแบบเก่าคงค้างอยู่ ร้านค้าปลีกยังสามารถขายได้ถึงวันที่ 10 เมษายน 2565 เท่านั้น หรือหากมีความกังวลว่า จะไม่สามารถขายหมดได้ตามกำหนดเวลา ขอให้ร้านค้าปลีกติดต่อตัวแทนผู้ค้าส่ง ผู้นำเข้า ผู้ผลิต เพื่อส่งคืนบุหรี่ซิกาแรตซองรูปแบบเก่าต่อไป   กรมควบคุมโรค ขอเน้นย้ำไปยังร้านค้าปลีกทั่วประเทศ ให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตามกฎหมาย โดยพนักงานเจ้าหน้าที่จะมีการลงตรวจบังคับใช้กฎหมายในทุกจังหวัดทั่วประเทศ หากพบร้านค้าฝ่าฝืนขายบุหรี่  ซิกาแรตซองรูปแบบเก่า หลังจากวันที่ 10 เมษายน 2565 จะมีความผิดฐานขายผลิตภัณฑ์ยาสูบที่มิได้จัดให้มี  หีบห่อตามที่กฎหมายกำหนด ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท ตามมาตรา 38 พระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 กรณีมีข้อสงสัยเพิ่มเติมในการปฏิบัติตามกฎหมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  กองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค โทร. 02 590 3852 ข้อมูลจาก : กองงานคณะกรรมการควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ กรมควบคุมโรค

อ่านต่อ
...
ขายบุหรี่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี ผิดกฎหมาย!! มีโทษทั้งจำคุกและปรับ
ข่าวเด่น

พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 ได้มีการปรับปรุงข้อกำหนดใน พ.ร.บ.ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2535 และ พ.ร.บ.คุ้มครองสุขภาพของผู้ไม่สูบบุหรี่ พ.ศ.2530 เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการควบคุมดูแลมากขึ้น โดยมีเนื้อหาหลักดังนี้ ห้ามขายหรือให้บุหรี่แก่บุคคลซึ่งมีอายุต่ำกว่า 20 ปี และห้ามผู้ใดใช้ จ้าง วาน หรือยินยอมให้บุคคลอายุต่ำกว่า 18 ปี ขายหรือให้บุหรี่ หากฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 30,000 บาท ทางออกสำหรับเรื่องนี้ คือ หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับอายุของผู้ซื้อบุหรี่ ให้ผู้ขายแจ้งบุคคลดังกล่าวให้แสดงบัตรประจำตัวประชาชนหรือหลักฐานอื่นที่แสดงอายุของบุคคลนั้นก่อน ห้ามแบ่งขายบุหรี่แบบแยกมวน ต้องขายแบบทั้งซอง เนื่องจากการขายบุหรี่แบบแบ่งมวนนั้น ทำให้วัยรุ่นและเยาวชนซื้อหาได้ง่ายขึ้น หากฝ่าฝืนเรื่องนี้มีดทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท ห้ามผู้ขายปลีก ขายผลิตภัณฑ์ยาสูบโดยวิธีการ ดังนี้ ขายโดยใช้เครื่องขาย ขายผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ และขายนอกสถานที่ ฝ่าฝืนจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 30,000 บาท มีการลดแลกแจกแถม ให้สิทธิประโยชน์ชิงโชค ชิงรางวัล และแสดงราคา ณ จุดขาย จูงใจให้ผู้บริโภค ปรับไม่เกิน 40,000 บาท และ เร่ขาย ปรับไม่เกิน 20,000 บาท ห้ามตั้งโชว์หรือแสดงผลิตภัณฑ์ยาสูบ ณ สถานที่ขายให้ผู้ซื้อหรือประชาชนมองเห็น ปรับไม่เกิน 40,000 บาท สถานที่ห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสูบ มีการกำหนด 4 สถานที่คือ วัด สถานที่ปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา สถานพยาบาล ร้านขายยา สถานศึกษาทุกระดับ และสวนสาธารณะ สวนสัตว์ และสวนสนุก ฝ่าฝืนปรับไม่เกิน 40,000 บาท

อ่านต่อ
...
ธัญญศรัณ แสงทอง ผู้บริหารใหม่ไฟแรง พร้อมลุยแก้ไขปัญหาบุหรี่เถื่อน
ข่าวเด่น

ผู้บริหารใหม่ที่น่าจับตามอง "ธัญญศรัณ แสงทอง" เข้ารับตำแหน่ง ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย โดยเข้ารับตำแหน่งตั้งแต่เดือน สิงหาคม 2565  โดยมีความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะดำเนินงานตามภารกิจหลักของสมาคมฯ คือ การเป็นตัวแทนในการแสดงความคิดเห็นของสมาชิกร้านค้า ทั้งผู้ค้าส่งและค้าปลีกรวมถึงผู้จัดจำหน่าย และผู้นำเข้าผลิตภัณฑ์ยาสูบโดยมุ่งเน้นด้านปัญหาที่ส่งผลกับธุรกิจยาสูบ นางสาวธัญญศรัณ แสงทอง ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย เป็นผู้มีประสบการณ์และเชี่ยวชาญด้านกฎหมาย ภาษีและกฎระเบียบจากองค์กรสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ที่ได้คลุกคลีในวงการธุรกิจการค้า ในการช่วยส่งเสริมผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมและวิสาหกิจ ตลอดจนประสานงานระหว่างผู้ประกอบการ นักธุรกิจ ภาครัฐบาลของไทย เป็นเวลานานเกือบ 30 ปี  ที่พร้อมเป็นกระบอกเสียงให้กับร้านโซห่วย เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาผลกระทบจากปัญหาบุหรี่เถื่อนและช่วยเฝ้าระวังให้มีการขายบุหรี่ให้ถูกต้องตาม พ.ร.บ ควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 ซึ่งส่งผลกระทบเรื้อรังเพื่อช่วยเหลือร้านค้าอย่างเร่งด่วน คือ การระบาดของบุหรี่เถื่อน หลังพบมีร้านค้าขายบุหรี่หนีภาษีเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมากในภาคใต้  โดยเตรียมผลักดันให้หน่วนงานที่เกี่ยวข้องเร่งปราบปรามอย่างจริงจัง เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายที่วางไว้ นางสาวธัญญศรัณ แสงทอง โดยสมาคมฯ พร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือสมาชิกที่ได้รับความเดือดร้อนเกี่ยวกับปัญหาบุหรี่เถื่อน และหากสมาชิกมีข้อเสนอแนะหรือข้อสงสัยใดๆ สามารถแจ้งผ่านช่องทางต่างๆ ของทางสมาคมฯ 

อ่านต่อ
...
จับตานโยบายเชิงรุก สมาคมการค้ายาสูบไทย แก้ไขปัญหาแบบตรงเป้า
ข่าวเด่น

วันนี้เราจะมาแชร์ความรู้เรื่อง 8 สิ่งที่ห้ามทำ ที่พ่อค้าแม่ค้าร้านโชห่วยบางคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน ว่าหากทำแบบนี้ถือว่าผิดกฎหมายหรืออาจโดนปรับได้ ดังนั้นรู้ก่อน ก็ป้องกันได้ก่อน มีอะไรบ้างไปดูกันเลยค่ะ 1.ห้ามขายบุหรี่ให้กับผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี   ข้อปฏิบัติตามกฎหมาย สำหรับผู้ขายบุหรี่ ห้ามตั้งโชว์หรือวางแสดงบุหรี่ให้ผู้ซื้อหรือประชาชนมองเห็น หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท ห้ามขายบุหรี่ให้กับผู้มีอายุต่ำกว่า 20 ปี *หากสงสัยอายุผู้ซื้อ ผู้ขายมีสิทธิ์ขอดูบัตรประชาชน หรือบัตรอื่นที่ตรวจสอบอายุผู้ซื้อได้ และห้ามใช้ จ้าง วาน หรือยินยอมให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ขายบุหรี่ หากฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 30,000 บาท ห้ามแบ่งขาย ต้องขายบุหรี่ทั้งซอง หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท ห้ามโฆษณา ขายบุหรี่ ห้ามติดป้ายแสดงชื่อ และราคาขายบุหรี่ ที่มีขนาดใหญ่กว่าปกติ ที่อาจจูงใจให้ซื้อหรือบริโภค ฝ่าฝืนปรับไม่เกิน 40,000 บาท และเร่ขาย ปรับไม่เกิน 20,000 บาท 2. ห้ามจำหน่ายเหล้า-เบียร์ เกินเวลาที่กำหนด ไม่ขายวันพระใหญ่ วันมาฆบูชา วิสาขบูชา อาสาฬบูชา เข้าพรรษา-ออกพรรษา ร้านค้าสามารถขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้สองช่วง คือ ช่วงกลางวัน เวลา 11.00-14.00 น. ช่วงเย็น เวลา 17.00-24.00 น. ไม่ส่งเสริมการขาย โดยการลดราคา แจก แถม ชิงรางวัล หรือจับฉลากให้หรือแลกกับสินค้าอื่น ฝ่าฝืนจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ห้ามผู้ใดขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่บุคคล ซึ่งมีอายุต่ำกว่า 20 ปีบริบูรณ์ และบุคคลที่มีอาการมึนเมาจนครองสติไม่ได้ ซึ่งหากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ 3. ห้ามจำหน่ายตาชั่ง ตวง วัด หากไม่มีใบอนุญาต  ในการจะจำหน่ายเครื่องชั่ง ตวงวัด จะต้องทำการขอหนังสือประกอบธุรกิจ จากสำนักชั่งตวงวัด ศูนย์ชั่งตวงวัด หรือสำนักงานสาขาชั่งตวงวัดเขต ที่มีอำนาจในจังหวัดที่สถานที่ประกอบธุรกิจตั้งอยู่ หากจําหน่ายโดยไม่ปฏิบัติตามประกาศของรัฐมนตรีตามมาตรา ๑๐ ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 5,000 บาท มาตรา ๖๘ ผู้ใดประกอบธุรกิจตามมาตรา ๑๗ โดยไม่มีหนังสือรับรองการประกอบ ธุรกิจ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ 4. ห้ามจำหน่ายยาที่ไม่ใช่ยาสามัญประจำบ้าน   ยาอันตรายที่ห้ามจำหน่ายในร้านของชำ ยาปฏิชีวนะ / ยาแก้อักเสบ ยาแก้ปวด ยาหยุดถ่าย ยาฆ่าพยาธิ ยาควบคุมพิเศษ หากขายโดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี กลุ่มยาแก้ปวดท้อง ท้องอืด ท้องเฟ้อ ยาเม็ดหรือยาน้ำลดกรดอะลูมินาแมกซีเนีย / ยาธาตุน้ำแดง / ทิงเจอร์มหาหิงคุ์ / ยาผงฟู่แก้ท้องอืด / ยาเม็ดหรือยาน้ำบรรเทาอาการเนื่องจากกรดไหลย้อน กลุ่มยาแก้ท้องเสีย ยาแก้ท้องเสียผงน้ำตาลเกลือแร่ / ยาผงถ่านรักษาอาการท้องเสีย กลุ่มยาระบาย ยาระบายแมกนีเซีย / ยาระบายโซเดียมคลอไรด์ ชิดสวนทวาร กลุ่มยาบรรเทาอาการปวกกล้ามเนื้อ แมลงกัดต่อย ยาหม่องชนิดขี้ผึ้ง กลุ่มยาแก้แพ้ลดน้ำมูก ยาแก้แพ้ ลดน้ำมูก คลอร์เฟนิรามีน กลุ่มยาแก้ไอขับเสมหะ ยาน้ำแก้ไอขับเสมหะ / ยาแก้ไอน้ำดำ กลุ่มยา ยาดมหรือ ทาแก้วิงเวียน หน้ามืด คัดจมูก ยาดมแก้คัดจมูก / ยาทาระเหยบรรเทาอาการคัดจมูก ชนิดขี้ผึ้ง กลุ่มยาแก้เมารถ เมาเรือ ยาเม็ดไดเมนไฮดริเนท กลุ่มยาสำหรับโรคปาก และลำคอ ยาอมบรรเทาอาการเจ็บคอ กลุ่มยาสำหรับโรคผิวหนัง ยารักษาหิดเหา / ยาทาแก้ผดผื่นตันคาลาไมน์ กลุ่มยาใส่แผล ล้างแผล ยาทิงเจอร์ไอโอดีน / แอลกอฮอล์ล้างแผล / น้ำเกลือล้างแผล กลุ่มยาบำรุงร่างกาย ยาเม็ดวิตามันซี / ยาเม็ดวิตามินรวม กลุ่มยาบรรเทาปวดลดไข้ ยาเม็ดพาราเซตามอล / พลาสเตอร์ติดบรรเทาอาการแก้ปวด 5. ห้ามจำหน่ายสินค้าไม่มี อย. มอก.   เครื่องหมาย อย. หมายถึงผลิตภัณฑ์นั้นๆ ได้การผ่านเกณฑ์การตรวจสอบจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา ที่คุ้มครองผู้บริโภคให้ได้รับ 6 ผลิตภัณฑ์สุขภาพ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์อาหาร ยา เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ วัตถุอันตรายที่ใช้ในบ้านเรือน และวัตถุเสพติดที่ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ที่มีคุณภาพได้มาตรฐาน เครื่องหมาย มอก. คืออะไร ? มอก. ย่อมาจากคำว่า มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม หมายถึง ข้อกำหนดทางวิชาการที่สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ได้กำหนดเป็นแนวทางแก่ผู้ผลิตในการผลิตสินค้าให้มีคุณภาพในระดับที่เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุดครอบคลุมสินค้า ได้แก่ สินค้าอาหาร เครื่องใช้ไฟฟ้า ยานพาหนะ สิ่งทอ และวัสดุก่อสร้าง เป็นต้น หากจำหน่ายสินค้าที่ไม่ผ่าน มอก. มีโทษจำคุก 1 เดือน ปรับสูงถึง 50,000 บาท 6. ห้ามจำหน่ายน้ำมันขวดแบ่งขาย เกินปริมาณกำหนด  ร้านจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงรายย่อย เป็นกิจการที่สามารถประกอบได้ทันทีโดยไม่ต้องแจ้งหรือขออนุญาต แต่ต้องปฏิบัติตามมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติควบคุมน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ.2542 มีหลักเกณฑ์ ดังนี้ร้านค้าที่หรือจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดใดชนิดหนึ่งหรือหลายชนิดสามารถจัดเก็บได้ปริมาณไม่เกินที่กำหนด น้ำมันเชื้อเพลิงชนิดไวไฟมาก ได้แก่ น้ำมันเบนซิน น้ำมันปิโตรเลียมดิบ ฯลฯ ร้านค้าจัดเก็บเพื่อจำหน่ายได้ไม่เกิน 40 ลิตร น้ำมันเชื้อเพลิงชนิดไวไฟปานกลาง ได้แก่ น้ำมันก๊าด น้ำมันเชื้อเพลิง ร้านค้าจัดเก็บเพื่อจำหน่ายได้ไม่เกิน ลิตร น้ำมันเชื้อเพลิงชนิดไวไฟน้อย ได้แก่ น้ำมันดีเซล น้ำมันเตา น้ำมันหล่อลื่น ฯลฯ ร้านค้าจัดเก็บเพื่อจำหน่ายได้ไม่เกิน 454 ลิตร 7. ห้ามจำหน่ายสินค้าหนีภาษี  ผู้ที่ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาไปซื้อ รับจำนำ หรือรับของไว้ ซึ่งรู้ว่าเป็นของอันเนื่องด้วยความผิดฐานหลีกเลี่ยงอากรตามมาตรา 243 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับตั้งแต่ครึ่งเท่า แต่ไม่เกิน 4 เท่าของค่าอากรที่ต้องเสียเพิ่ม หรือทั้งจำทั้งปรับ 8. ห้ามจำหน่ายน้ำหอมขวดแก้วที่ไม่มีฉลาก   การจำหน่ายสินค้าเครื่องสำอางปลอม เช่น น้ำหอมขวดแก้วที่ไม่มีฉลาก แล้วแปะสติ๊กเกอร์แบรนด์ดัง การเลียนแบบเครื่องหมายการค้า เพื่อให้ผู้บริโภคเข้าใจว่าเป็นเครื่องหมายการค้าของแบรนด์นั้น จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท การเป็นเจ้าของธุรกิจที่ต้องดูแลร้านค้ามีสิ่งที่ต้องศึกษา ทำความเข้าใจ และข้อที่ควรระวัง หากไม่อยากโดนจับ หรือ โดนปรับกัน หวังว่าพ่อค้าแม่ค้าที่อ่านบทความนี้จะได้ความรู้ที่นำไปใช้ในการดูแลร้านค้าและระวังไม่ให้ทำผิดกฎหมายโดยที่ไม่รู้ตัวกัน แหล่งอ้างอิง https://db.oryor.comhttp://www.cbwmthai.org/scale.aspxhttps://www.doeb.go.th/knowledge/new_oil_law.htmแหล่งที่มา: https://www.rantiddao.com

อ่านต่อ
...
สมาคมการค้ายาสูบไทย ร้องหน่วยงานรัฐ พรรคการเมือง แก้ไขปัญหาบุหรี่เถื่อนเร่งด่วน
ข่าวเด่น

สมาคมการค้ายาสูบไทย กระตุ้นการแก้ปัญหาบุหรี่เถื่อน ประสานหน่วยงานภาครัฐ กระตุ้นให้เกิดการกวดขันและจับกุมมากขึ้น พร้อมร่อนจดหมายร้องพรรคการเมืองหวังเห็นนโยบายช่วยร้านค้าโชห่วยรายย่อย ชูประเด็นรายได้ลดฮวบเพราะบุหรี่เถื่อนเกลื่อนเมืองทั้งหน้าร้านและบนสังคมออนไลน์ในขณะนี้ ส่งผลกระทบต่อร้านค้าในชุมชนที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจท้องถิ่น รวมถึงการจัดเก็บภาษีสรรพสามิตบุหรี่ ทำรัฐสูญรายได้มหาศาล  นางสาวธัญญศรัณ แสงทอง ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมการค้ายาสูบไทย เผยถึงสถานการณ์บุหรี่เถื่อนในปัจจุบัน ว่า “สมาคมการค้ายาสูบไทยรับทราบถึงสถานการณ์บุหรี่เถื่อนที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้และการซื้อขายบนโลกออนไลน์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นสูงกว่า 97% ซึ่งสัดส่วนการบริโภคบุหรี่ผิดกฎหมายเพิ่มจาก 6.2% ในปี 2563 เป็น 10.3% ในปี 2564 สูงสุดในรอบ 10 ปี ทำรัฐสูญเสียรายได้กว่า 7,000 ล้านบาทต่อปี และร้านค้าที่จำหน่ายบุหรี่ถูกกฎหมายต้องขาดรายได้และกำไรหายไปกว่าร้อยละ 50 ต่อเดือน จึงเป็นปัญหาเร่งด่วนที่ต้องรีบแก้ไข  นางสาวธัญญศรัณเสริมว่า การขายบุหรี่มีต้นทุนสูงเนื่องจากต้องใช้เงินลงทุนสำหรับการสต็อกสินค้า ขณะที่กำไรจากการขายบุหรี่ได้เพียงซองละ 3-4 บาทเท่านั้น แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของเงินหมุนเวียนในระดับชุมชนเพราะมีร้านค้ากว่า 500,000 รายทั่วประเทศที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับมหภาค การที่ปัญหาบุหรี่เถื่อนที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากจะกระทบกับรายได้ของร้านค้าแล้ว ยังทำให้รัฐบาลจัดเก็บภาษีบุหรี่ได้น้อยลง ส่งผลให้จัดเก็บรายได้เข้าประเทศได้น้อยลงตามไปด้วย  “สมาคมฯ ไม่ได้นิ่งนอนใจและมุ่งมั่นดำเนินงานในการประสานความร่วมมือเสมอมา โดยในปี 2565 สมาคมฯ ส่งหนังสือไปยังภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อขอความร่วมมือในการปราบปรามบุหรี่เถื่อน แม้หน่วยงานภาครัฐจะเพิ่มความพยายามในการจับกุม แต่ปัญหาก็ยังคงรุนแรง สำหรับในปีนี้ สมาคมฯ มองเห็นโอกาสในการเร่งผลักดันให้การทำงานของภาครัฐให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยเรียกร้องให้พรรคการเมืองที่กำลังสู้ศึกเลือกตั้งในขณะนี้ นำเสนอแนวทางแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากระบาดของบุหรี่เถื่อนที่มีต่อร้านค้าระดับชุมชน กระตุ้นให้เกิดนโยบายที่เป็นรูปธรรมในการจับกุมปราบปราม ขจัดปัญหาคอรัปชั่นในพื้นที่” “สมาคมฯ และสมาชิกร้านโชห่วยกว่า 1 พันรายติดตามนโยบายพรรคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการค้า ธุรกิจขนาดเล็ก และเศรษฐกิจท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้เป็นข้อมูลสำหรับการตัดสินใจในการเลือกตั้ง 2566 แต่ก็ยังไม่เห็นว่ามีพรรคการเมืองไหนที่มีการออกนโยบายที่ชัดเจนกับเรื่องของการปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายอย่างเช่นการปราบปรามบุหรี่เถื่อน บุหรี่หนีภาษี รวมไปถึงสินค้าอื่นๆ เช่นเหล้าหนีภาษี สมาคมฯ จึงอยากเรียกร้องให้หน่วยงานรัฐและพรรคการเมืองแสดงนโยบายที่ชัดเจนเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาบุหรี่เถื่อนเพื่อช่วยเหลือร้านค้าอย่างเร่งด่วน” นางสาวธัญญศรัณ กล่างทิ้งท้าย 

อ่านต่อ
...
สมาคมการค้ายาสูบไทย ปลื้มมหาดไทยเอาจริงปราบบุหรี่เถื่อน เผยจังหวัดชายแดนใต้บุหรี่เถื่อนยังหนัก กระทบภาษีมหาดไทย
ข่าวเด่น

สมาคมการค้ายาสูบไทยขอบคุณหน่วยงานรัฐ โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทยที่เป็นกำลังสำคัญในการปราบบุหรี่เถื่อนในภาคใต้ ทั้งการบุกทลายร้านขายบุหรี่เถื่อน 3 ร้านดังในเมืองหาดใหญ่ รวมถึงการร่วมจับบุหรี่เถื่อนที่อยู่ระหว่างการลักลอบนำเข้าทางทะเลกว่า 1,000 ลัง มูลค่ากว่า 31 ล้านบาทเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พร้อมเรียกร้องให้ขยายผลการดำเนินคดีอย่างต่อเนื่องจากทุกหน่วยงานต่อไป นางสาวธัญญศรัณ แสงทอง ผู้อำนวยการบริหาร สมาคมการค้ายาสูบไทย เปิดเผย สถานการณ์บุหรี่เถื่อนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ยังคงรุนแรง การจับกุมและยึดของกลางที่ปรากฏตามหน้าสื่อเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ของจำนวนบุหรี่เถื่อนทั้งหมดในประเทศไทยเท่านั้น โดยเดือนกรกฎาคม 2566 ผลการปราบปรามผู้กระทำผิดกฎหมายสรรพสามิต พบคดีเกี่ยวกับยาสูบมากถึง 641 คดี ของกลาง 154,305 ซอง ปรับไปทั้งสิ้น 18.37 ล้านบาท และเข้าสู่เดือนสิงหาคมเพียงไม่กี่วันก็ยึดบุหรี่เถื่อนจากทะเลใต้ได้อีกกว่า 1,000 ลัง คิดเป็นค่าปรับกว่า 31 ล้านบาท มากกว่าเดือนกรกฎาคมทั้งเดือน หากดูข้อมูลย้อนหลังในปีงบประมาณ 64 – 65 ทั้งปี มีคดีการจับกุมเพิ่มขึ้นกว่า 32% และจำนวนซองที่จับกุมได้มีมากขึ้นถึง 460% จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่สัดส่วนการบริโภคบุหรี่เถื่อนของไทยในปัจจุบันจะหยุดอยู่แค่ 10.3% ซึ่งเป็นตัวเลขจากการสำรวจในปี 2564 ด้วยเหตุนี้ สมาคมฯ จึงพยายามเรียกร้องอย่างต่อเนื่อง ขอให้ภาครัฐโดยเฉพาะหน่วยงานที่สูญเสียรายได้โดยตรงจากการจัดเก็บภาษีของการค้าขายบุหรี่ถูกกฎหมาย จริงจังกับการปราบปรามบุหรี่หนีภาษีเพราะกระทบต่อรายได้ของร้านค้าโชห่วยจำนวนมาก และสมาคมฯ ขอเรียกร้องให้ขยายผลดำเนินคดีสืบสาวถึงต้นตอของขบวนการ ส่งเสริมการบังคับใช้กฎหมาย  เพิ่มบทลงโทษ ปิดช่องโหว่การกระทำผิด ให้ความรู้แก่เยาวชน และพัฒนาระบบการเฝ้าระวังบุหรี่เถื่อนในพื้นที่ เพื่อลดพฤติกรรมการสูบบุหรี่หลีกเลี่ยงภาษี มิเช่นนั้น จำนวนการดำเนินคดีที่เพิ่มขึ้นจะไม่สะท้อนถึงความสำเร็จและความพยายามของเจ้าหน้าที่รัฐแต่อย่างใด เพราะแนวโน้มการบริโภคบุหรี่เถื่อนในไทยไม่มีทีท่าว่าจะลดลงเลยในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา “ทราบกันดีว่าภาษีจากบุหรี่ถูกนำไปพัฒนาสังคมในด้านต่างๆ เช่น กีฬา สุขภาพ และสื่อมวลชน แต่น้อยคนจะรู้ว่ามีอีก 10% ที่ถูกนำส่งให้กระทรวงมหาดไทยเพื่อจัดสรรให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย จึงเป็นเรื่องน่าชื่นชมที่กระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญกับปัญหาบุหรี่เถื่อนเพราะกระทบรายได้ของกระทรวงมหาดไทยและท้องถิ่นโดยตรง เพราะหากปล่อยให้สถานการณ์บุหรี่เถื่อนทวีความรุนแรงขึ้นทุกวันเช่นนี้ย่อมส่งผลถึงการพัฒนาส่วนท้องถิ่นในประเทศไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้”

อ่านต่อ
...
ปิดสวิตซ์บุหรี่เถื่อน! อุตสาหกรรมยาสูบผนึกกำลังร้องนายกเศรษฐาเร่งปราบปราม เผยบุหรี่เถื่อนสูงถึง 25% ทำรัฐเสียหายกว่า 3 หมื่นล้านบาท
ข่าวเด่น

อุตสาหกรรมยาสูบผนึกกำลังร้องนายกรัฐมนตรีแก้ปัญหาบุหรี่เถื่อนโดยด่วน ชี้ตลาดตอนนี้เป็นบุหรี่เถื่อนไปแล้วกว่า 1 ใน 4 เดือดร้อนกันถ้วนหน้า ร้านค้า แรงงาน เกษตรกรทุกข์หนัก โอดต้องให้อดตายไร้หนทางทำกินก่อนหรือไม่รัฐบาลถึงจะรับรู้ปัญหา ขอใช้ 31 พฤษภาคมเป็นวันงดสูบบุหรี่เถื่อน เพื่อให้สังคมน่าอยู่และปลอดภัย สมาคมการค้ายาสูบไทย ร่วมกับภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจยาสูบ การยาสูบแห่งประเทศไทย จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการ “รวมพลังปราบปรามบุหรี่ผิดกฎหมาย: เศรษฐกิจมั่นคง สังคมปลอดภัย” ขึ้นในวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 ยื่นข้อเรียกร้องให้รัฐบาลยกปัญหาบุหรี่เถื่อนเป็นวาระแห่งชาติ ประกาศแนวทางการปราบปรามและเพิ่มโทษให้รุนแรง เพราะกระทบความเป็นอยู่ชาวไร่ยาสูบมานานหลายปี ภายในงาน นายสุเทพ ทิมศิลป์ รักษาการประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจยาสูบได้เปิดเผยสถิติที่น่าตกใจจากการสำรวจการบริโภคบุหรี่ผิดกฎหมายล่าสุด ไตรมาสที่ 1 พ.ศ. 2567 ที่แสดงว่าประเทศไทยมีสัดส่วนการบริโภคบุหรี่ผิดกฎหมายถึง 25.5% หรือ 1 ใน 4 ของตลาด สูงที่สุดเท่าที่เคยมีการสำรวจมา คิดเป็นมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 30,000 ล้านบาทต่อปี สมาคมการค้ายาสูบไทย โดย นางสาวธัญญศรัณ แสงทอง ผู้อำนวยการบริหาร ชี้บุหรี่เถื่อนจะลดได้หากปิดช่องโหว่ของกฎหมาย เรียกร้องให้รัฐกวดขันกับ 3 ช่องทางลักลอบนำเข้าหลัก ได้แก่ 1) ช่องทางธรรมชาติตามแนวชายแดนที่ติดกับประเทศเพื่อนบ้าน และส่งต่อไปยังโกดังรวมของจุดใหญ่ ๆ ตามภูมิภาคผ่านรถและพัสดุไปรษณีย์ 2) ทางทะเลทั้งฝั่งอ่าวไทยและทะเลอันดามัน ขนถ่ายจากเรือใหญ่สู่เรือประมงขนาดเล็ก มีต้นทางหลักคือเวียดนาม กัมพูชา และอินโดนีเซีย และ 3) ขนส่งผ่านเขตฟรีโซน เช่น แหลมฉบัง อาศัยช่องว่างทางกฎหมายศุลกากร โดยระบุปลายทางสินค้าเป็นประเทศที่ 3 เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ และนำกลับเข้ามากระจายในประเทศไทย หากจัดการได้จะเป็นการลดการทุจริตภายในประเทศ ซึ่งเป็นหนึ่งในท่อน้ำเลี้ยงของการก่อการร้ายและอาชญากรรมข้ามชาติในภูมิภาคอาเซียนด้วย ด้านภาคีเครือข่ายชาวไร่ยาสูบแห่งประเทศไทย กล่าวว่า พวกตนเรียกร้องให้รัฐจัดการบุหรี่ผิดกฎหมายมานานหลายปี เพราะชาวไร่ยาสูบเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับความเดือดร้อนโดนตัดโควตาการปลูกจากการยาสูบฯ แม้ในปัจจุบันจะได้โควตาคืนมาบ้าง แต่ก็ไม่มีอะไรการันตีได้เลยว่าการยาสูบฯ จะสามารถรับซื้อใบยาและปรับราคาเพิ่มได้เหมือนในฤดูกาลปลูกนี้อีก เพราะธุรกิจบุหรี่ซึ่งเป็นธุรกิจหลักได้ถูกบุหรี่ผิดกฎหมายช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดไปแล้วถึง 1 ใน 4 คิดเป็นกว่า 8,000 – 9,000 ล้านมวน หากเปลี่ยนเป็นบุหรี่ถูกกฎหมายจะเทียบเท่ากับใบยา กว่า 6.4 – 7.2 ล้านกิโลกรัม หรือกว่าครึ่งของใบยาที่เราขายให้กับการยาสูบฯ ในปัจจุบัน  “พวกเราประกอบอาชีพทำยามากว่า 3 ชั่วอายุคน ยาสูบทำให้ครอบครัวมีรายได้ที่มั่นคงมาตลอด แต่ยุคนี้เรามองไม่เห็นว่าอนาคตในอีก 3 ปี 5 ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร เพราะไม่มีแนวทางแน่ชัดอะไรจากรัฐบาลในการปราบปรามบุหรี่เถื่อนที่เป็นปัญหาหลักของอุตสาหกรรมตอนนี้นอกเหนือจากการไล่จับร้านค้ารายย่อย แต่ไม่เคยสาวไปถึงต้นตอของขบวนการ ไม่เคยจับได้คาตู้คอนเทนเนอร์  พวกเราเชื่อว่าบุหรี่เถื่อนลดได้หากทุกฝ่ายร่วมมือกัน แต่ควรมีนโยบายที่ชัดเจนจากนายกรัฐมนตรีกำหนดให้เป็นวาระแห่งชาติเพื่อทำให้หน่วยงานบังคับใช้กฎหมายปราบปรามอย่างจริงจัง และเร่งประสานงานกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นต้นทางอีกด้วย”

อ่านต่อ

สมัครสมาชิก

สำหรับผู้ประกอบกิจการการค้าผลิตภัณฑ์ยาสูบ และ หรือวิสาหกิจ ในทางการค้าอื่นที่เกี่ยวข้องกับการค้า ผลิตภัณฑ์ยาสูบโดยตรง อัตราค่าลงทะเบียนแรกเข้า 200 บาท และค่าบำรุงสมาคม 100 บาท / 2 ปี (ปีละ 50 บาท เก็บทุกๆ สองปี)

สมาชิกประเภทวิสามัญ สำหรับผู้มีความสนใจหรือมีความรู้เกี่ยวกับยาสูบหรือ ผลิตภัณฑ์ยาสูบหรือ ผู้ประกอบวิสาหกิจในทางการค้า อุตสาหกรรม หรือการเงิน การขนส่งยาสูบ หรือผลิตภัณฑ์ยาสูบ หรือธุรกิจใดๆ อันเกี่ยวเนื่องกับยาสูบ หรือ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ อัตราค่าลงทะเบียนแรกเข้า 1,000 บาท และค่าบำรุงสมาคม 1,000 ต่อปี

แจ้งเบาะแสบุหรี่ผิดกฎหมาย

พบเห็นการซื้อขายบุหรี่ผิดกฎหมาย สามารถแจ้งผ่านช่องทางออนไลน์ของทางสมาคม และสมาคมจะนำข้อมูลเหล่านี้ยื่นต่อหน่อยงานรัฐที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ผู้ที่แจ้งเบาะแสสามารถติดตามผลการแจ้งได้โดยใส่รหัสอ้างอิงที่ได้รับ

แจ้ง
เบาะแส