สรรพสามิต เล็งชง ครม.เก็บภาษีบุหรี่อัตราเดียว ภายในม.ค.69

สรรพสามิต เตรียมเสนอชงครม.พิจารณา ปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่จาก 2 อัตรา เหลืออัตราเดียว ภายในก่อนยุบสภา หรือภายใน ม.ค.69 หวังลดช่องว่างราคา–ลดบุหรี่เถื่อน ยกระดับการปราบปราม และเพิ่มรายได้รัฐ

นายพรชัย ฐีระเวช อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมสรรพสามิตอยู่ระหว่างเดินหน้าปรับโครงสร้างภาษีสรรพสามิตยาสูบจากระบบ 2 อัตรา เหลือเพียง “อัตราเดียว" (Single Rate) โดยคาดว่า เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาภายในเดือนม.ค.ปี 2569 หรือ ก่อนการยุบสภา ตามกรอบที่รัฐบาลประกาศไว้ วันที่ 31 ม.ค.2569 โดยคาดว่าจะช่วยแก้ปัญหาบุหรี่เถื่อน บุหรี่ไฟฟ้า และทำให้ตลาดยาสูบอยู่บนกลไกที่เป็นธรรมมากขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพรายได้เข้ารัฐ

เป้าหมายของการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ครั้งนี้ เพื่อลดแรงจูงใจผู้ผลิตให้ วิ่งเข้าหาอัตราต่ำกว่า ซึ่งทำให้ราคาตลาดถูกตรึงไว้ที่ช่วง 70-72 บาทต่อซอง และเปิดช่องให้เกิดการแข่งขันด้านราคาอย่างไม่สมดุล รวมถึงเกิดการลักลอบบุหรี่เถื่อนและการขยายตัวของบุหรี่ไฟฟ้า

ทั้ง การปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ใหม่เป็นกฎกระทรวง ไม่ต้องเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ โดยสามารถเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาได้ทันที


"การปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่อัตราเดียว เป็นกฎกระทรวง ไม่ต้องเข้าสภาฯ โดยสามารถเสนอครม. และส่งให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ตรวจพิจารณาได้ทันที ก็ประกาศใช้ได้เลย ทั้งนี้จะมีช่วงเวลาปรับตัวหรือไม่ ขณะนี้อยู่ระหว่างการรับฟังความเห็นหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง" นายพรชัย กล่าว

อย่างไรก็ตาม แม้จะเปลี่ยนภาษีเป็นอัตราเดียว แต่โครงสร้างตลาดน่าจะไม่เปลี่ยนมาก เพราะอุตสาหกรรมปรับตัวมาต่อเนื่องอยู่แล้ว เนื่องปัจจุบันบุหรี่เทียร์บนลดลงต่อเนื่อง ภาษีหลักที่เก็บได้คือเทียร์ล่าง การปรับเป็นอัตราเดียว โครงสร้างตลาดไม่น่าจะผันผวนมาก และผู้ประกอบการจะมีอิสระตั้งราคามากขึ้น 

นายพรชัย ระบุว่า การแก้ปัญหาภาษีบุหรี่ต้องทำควบคู่กับการปราบปรามบุหรี่เถื่อน ซึ่งช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ผลการจับกุมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยจับได้แล้วกว่า 4,000 คดี ของกลาง 700,000 ซอง หรือราว 14 ล้านมวน รัฐสูญเสียภาษีเกือบ 40 ล้านบาท แต่เก็บค่าปรับได้ประมาณ 500 ล้านบาท

พร้อมย้ำว่า การทำภาษีอัตราเดียวอย่างเดียวไม่เพียงพอ ต้องปราบปรามจริงจังเพื่อให้สินค้าหนีภาษี หายไปจากตลาดไทย เป้าหมายไม่ใช่การเพิ่มการบริโภค แต่เป็นการควบคุมสินค้าที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพให้มีระบบจัดเก็บภาษีที่เป็นธรรม และลดช่องว่างที่ทำให้เกิดสินค้าทดแทนหรือสินค้าลักลอบ เช่น บุหรี่ไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์นิโคตินชนิดอื่น

ปัจจุบัน กรมสรรพสามิตจัดเก็บภาษีตามมูลค่าแบ่งเป็น 2 อัตรา คือ หากราคาขายปลีกแนะนำไม่เกินซองละ 72 บาท เสียภาษีตามมูลค่าในอัตรา 25% ส่วนบุหรี่ที่มีราคาขายปลีกแนะนำเกินซองละ 72 บาท เสียภาษีที่อัตรา 42%

ขอบคุณที่มา : https://www.posttoday.com/

ข่าวน่าสนใจ
...
สมาคมการค้ายาสูบไทยหนุน ภาษีอัตราเดียว คู่ การปราบปรามบุหรี่เถื่อน
ผลกระทบจากบุหรี่เถื่อน

สมาคมการค้ายาสูบไทยหนุน “ภาษีอัตราเดียว” คู่ “การปราบปรามบุหรี่เถื่อน” สร้างความเชื่อมั่นโชห่วยกว่า 400,000 รายทั่วประเทศ สมาคมการค้ายาสูบไทยขานรับนโยบาย Quick Big Win ของรัฐบาล ปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่เป็นแบบ “อัตราเดียว” เชื่อหากอัตราภาษีที่เหมาะสมและสมดุล ผนวกกับการปราบปรามบุหรี่ผิดกฎหมายที่เข้มงวดจริงจัง จะสร้างความเป็นธรรมและความเชื่อมั่น ให้แก่ร้านค้าปลีกถูกกฎหมายกว่า 400,000 ร้านทั่วประเทศอีกด้วย นางสาวธัญญศรัณ แสงทอง ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย ตัวแทนร้านค้าบุหรี่ที่ได้รับใบอนุญาตอย่างถูกกฎหมายกว่า 400,000 รายทั่วประเทศ แสดงความขอบคุณต่อความพยายามอันเข้มข้นของหน่วยงานรัฐในการปราบปรามบุหรี่เถื่อนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นหนึ่งในความพยายามในการสร้างเสถียรภาพให้กับอุตสาหกรรมยาสูบ และสร้างประโยชน์แก่ผู้ค้ารายย่อยโดยตรง การประกาศแนวทางการปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ในครั้งนี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งความพยายามที่กรมฯ จะได้ดูแลธุรกิจรากหญ้าผ่านการกำหนดอัตราภาษีที่เหมาะสม สร้างโอกาสทางธุรกิจในอนาคตได้ “สมาคมฯ ขอชื่นชมและขอเป็นกำลังใจต่อความพยายามในการปราบปรามบุหรี่เถื่อนของท่านอธิบดีกรมสรรพสามิต ดร. พรชัย เพราะการปราบปรามบุหรี่เถื่อนเป็นหัวใจสำคัญในการปกป้องร้านค้าถูกกฎหมายที่ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบและแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างถูกต้อง ส่วนการปรับโครงสร้างภาษีครั้งนี้จะต้องเป็นกลไกที่ช่วยสนับสนุนให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงสินค้าถูกกฎหมายได้ในราคาที่เหมาะสม ไม่สูงจนเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกผลักไปหาของผิดกฎหมายโดยไม่ตั้งใจ ส่วนโครงสร้างภาษีอัตราเดียวน่าจะมีความเหมาะสมและเป็นสากลเพราะกรมสรรพสามิตคงได้ศึกษาวิจัยมาอย่างดีแล้ว หากเรากำหนดอัตราภาษีที่ไม่สูงเกินไปควบคู่กับการปราบปรามแบบสุดซอย จะสามารถควบคุมตลาด และส่งเสริมผู้ประกอบอาชีพสุจริต และเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างยั่งยืน” นางสาวธัญญศรัณ กล่าวว่า “ไม่ว่าจะอยู่ภายใต้รูปแบบภาษีใด การปราบปรามบุหรี่เถื่อนควรดำเนินต่อไปอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับโครงสร้างภาษีของอุตสาหกรรมที่เหมาะสมเพื่อให้รัฐบรรลุเป้าหมายด้านรายได้และการควบคุมสินค้าได้อย่างแท้จริง และที่สำคัญที่สุดคือ เป็นการพลิกวิกฤตเป็นโอกาสให้กับผู้ค้าปลายน้ำที่ปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมาย"  ขอบคุณที่มา: https://www.naewna.com/

อ่านต่อ
...
ภาครัฐเดินหน้าปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายออนไลน์ สอดคล้องข้อกังวลภาคเอกชนต่อวิวัฒนาการกลโกงใหม่
ผลกระทบจากบุหรี่เถื่อน

กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เดินหน้าขับเคลื่อนมาตรการปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายออนไลน์อย่างเข้มงวด หลัง นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม แถลงผลประชุมคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการด้านอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการรับมือกับ “เทคนิคใหม่ๆ” ที่ผู้ขายผิดกฎหมายใช้เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ ทั้งการเปลี่ยนคำค้น แฮชแท็ก ตัวย่อ รวมถึงการใช้ภาพสื่อความหมายบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ทิศทางดังกล่าว สอดคล้องกับข้อมูลและข้อร้องเรียนจากภาคเอกชน ที่สะท้อนพฤติกรรมการปรับตัวของผู้ขายสินค้าผิดกฎหมาย โดยเฉพาะบุหรี่เถื่อนในแพลตฟอร์มตลาดออนไลน์ ที่แม้จะมีการปิดกั้นคีย์เวิร์ดแล้ว แต่ยังพบการใช้ตัวย่อพร้อมแสดงภาพสินค้าอย่างชัดเจน และสามารถซื้อโฆษณาเพื่อโปรโมตได้แม้ขัดต่อกฎหมายไทย รัฐมนตรีไชยชนกเปิดเผยว่า กระทรวงได้หารือกับแพลตฟอร์มระดับโลกอย่างต่อเนื่อง ทั้ง LINE, Google และเตรียมนัดหมาย Facebook ในระดับภูมิภาค เพื่อเร่งอุดช่องโหว่การจัดการเนื้อหาผิดกฎหมาย พร้อมขอให้แพลตฟอร์มทบทวนคำนิยาม “โฆษณา” ให้ครอบคลุมมากกว่าเพียงโฆษณาแบบชำระเงิน (Paid Ads) หลังพบกรณีเว็บไซต์พนันและสินค้าผิดกฎหมายยังคงปรากฏในผลการค้นหา กระทรวงยังเน้นย้ำถึงบทบาทของภาคประชาชนและภาคเอกชนในการแจ้งเบาะแสพฤติกรรมต้องสงสัย โดยเฉพาะการใช้แฮชแท็กหรือสัญลักษณ์ที่ผิดปกติ เพื่อให้แพลตฟอร์มสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ การเคลื่อนไหวล่าสุดนี้สะท้อนว่า ภาครัฐและภาคเอกชนมองเห็นปัญหาเดียวกัน และพร้อมร่วมมือกันอย่างเป็นระบบในการยกระดับความปลอดภัยบนโลกดิจิทัล ลดการแพร่ระบาดของสินค้าผิดกฎหมาย และสร้างพื้นที่ออนไลน์ที่โปร่งใสและน่าเชื่อถือยิ่งขึ้นในอนาคต ขอบคุณที่มา: https://www.khaosod.co.th/

อ่านต่อ
...
ส.ค้ายาสูบไทยร้องก.ดีอี จี้ Facebook เร่งปราบ “บุหรี่เถื่อน” ออนไลน์
ผลกระทบจากบุหรี่เถื่อน

สมาคมการค้ายาสูบไทย ออกโรงแสดงความกังวลต่อการจำหน่ายบุหรี่ผิดกฎหมายผ่านแพลตฟอร์ม Facebook โดยระบุว่า Facebook กลุ่ม (Groups) และเพจ (Pages) ยังคงเป็นช่องทางหลักในการกระจายบุหรี่เถื่อนที่เข้าถึงผู้บริโภคได้ทุกกลุ่มอายุอย่างเปิดเผย ทำให้ความพยายามของหน่วยงานภาครัฐในการปราบปรามตลอดทั้งปีถูกบั่นทอน สะท้อนการละเลยในการตรวจสอบควบคุม นางสาวธัญญศรัณ แสงทอง ผู้อำนวยการบริหารสมาคมการค้ายาสูบไทย เปิดเผยว่า ปัญหาหลักเกิดจากผู้ขายยังสามารถตั้งชื่อและโชว์รูปภาพบุหรี่ได้อย่างโจ๋งครึ่มผ่านเพจและกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นการขายแบบเปิดเผยหรือการยิงโฆษณา นอกจากนี้ ผู้ขายยังหัวหมอโดยใช้ตัวย่อแทนการระบุคำว่า “บุหรี่” โดยตรงควบคู่กับการแสดงรูปสินค้า ทำให้มาตรการปิดกั้นคำค้นหาไม่สามารถยับยั้งการซื้อขายออนไลน์ได้อย่างแท้จริง นางสาวธัญญศรัณ เน้นย้ำว่า Facebook ต้องปิดกั้นทุกช่องทางทั้ง Marketplace กลุ่ม ชื่อเพจ ชื่อสินค้า และใช้เครื่องมือ AI ที่มีอยู่ตรวจสอบเนื้อหาและรูปภาพว่าเป็นบุหรี่หรือไม่ด้วย นอกจากนี้ การยิงโฆษณายังเป็นปัญหาสำคัญที่ทำให้เกิดการเข้าถึงสินค้าผิดกฎหมายได้โดยไม่จำกัดกลุ่มอายุ สมาคมฯ กล่าวถึงเอกสารลับของ Meta (บริษัทแม่ของ Facebook, Instagram และ WhatsApp) ที่เผยแพร่โดยสำนักข่าว Reuters ซึ่งสะท้อนด้านมืดของแพลตฟอร์ม โดยมีการคาดการณ์ว่ารายได้ในปี 2567 อาจมาจากโฆษณาหลอกลวงและสินค้าผิดกฎหมายสูงถึง 10% หรือประมาณ 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์ แสดงให้เห็นว่าไม่มีการปิดกั้นโฆษณาเกี่ยวกับสินค้าอันตรายและผิดกฎหมายอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นช่องโหว่ด้านธรรมาภิบาลของเจ้าของแพลตฟอร์มในการปกป้องเด็กและเยาวชน และขาดความตั้งใจที่จะปฏิบัติตามกฎหมายไทย ผู้อำนวยการบริหารสมาคมฯ ย้ำว่า พระราชบัญญัติควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ พ.ศ. 2560 ของไทยระบุไว้ชัดเจนว่า ห้ามขายผลิตภัณฑ์ยาสูบผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์โดยเด็ดขาด รวมถึงห้ามแสดงผลิตภัณฑ์และโฆษณาทำการตลาดด้วย การที่ Facebook ยังเปิดช่องให้มีการซื้อขายบุหรี่เถื่อนได้ จึงถือเป็นการละเมิดและบั่นทอนความศักดิ์สิทธิ์ของกฎหมายไทย ท่ามกลางความพยายามของหน่วยงานราชการไทยหลายภาคส่วน เช่น กรมสรรพสามิต ตำรวจสอบสวนกลาง กรมการปกครอง และกรมศุลกากร ที่ต่างมุ่งมั่นปราบปรามและจับกุมบุหรี่ผิดกฎหมายอย่างต่อเนื่อง แต่กลับไม่ได้รับความร่วมมือจากแพลตฟอร์มออนไลน์ ซึ่งเป็นช่องทางการกระจายสินค้าที่สำคัญในยุคดิจิทัลนี้ สมาคมการค้ายาสูบไทยจึงเรียกร้องให้ Facebook ใช้เครื่องมือและมาตรการที่เข้มงวดกว่าเดิม เพื่อหยุดยั้งการซื้อขายบุหรี่ผิดกฎหมายบนแพลตฟอร์มอย่างจริงจัง รวมทั้งให้กระทรวงดิจิทัลฯ เข้ามาตรวจสอบเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนเพราะเป็นภัยสังคมตามนโยบายเร่งด่วนของนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล ทั้งนี้ จากสถิติกรมสรรพสามิต ปี 2568 การจับกุมคดีเกี่ยวกับยาสูบเพิ่มขึ้นเป็น 18,305 คดี จาก 13,143 คดีในปี 2567 (เติบโต 39%) และค่าปรับรวมสูงถึง 1,155 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 225% สมาคมขอขอบคุณกรมสรรพสามิตที่ดำเนินการปราบปรามต่อเนื่องเพื่อปกป้องรายได้ภาษีและผู้ประกอบการที่ถูกต้องตามกฎหมายและพร้อมให้ความร่วมมือในการต่อต้านบุหรี่เถื่อนในทุกด้าน ขอบคุณที่มา : https://siamrath.co.th/ 

อ่านต่อ
...
รัฐบาลเปิดแผน 3 ขั้น เดินหน้าจัดการวิกฤตบุหรี่เถื่อน
ผลกระทบจากบุหรี่เถื่อน

รัฐบาลเปิดแผน 3 ขั้น เดินหน้าจัดการวิกฤตบุหรี่เถื่อน ส่งผลให้รัฐสูญเสียรายได้ภาษีมากกว่า 25,000 ล้านบาทต่อปีปฏิบัติการปราบปรามบุหรี่ไฟฟ้าที่ผ่านมา ทำให้การบริโภคบุหรี่เถื่อน หรือบุหรี่ไม่เสียภาษีเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากเมื่อบุหรี่ไฟฟ้าถูกปราบปรามและหาซื้อยากขึ้น ผู้ใช้ก็จะเปลี่ยนกลับมาสูบบุหรี่มวน แต่เมื่อบุหรี่มวนในปัจจุบันมีราคาแพง กลุ่มผู้ใช้จึงหันไปสูบบุหรี่เถื่อน ซึ่งราคาถูกและหาซื้อได้ง่ายผ่านช่องทางออนไลน์ อีกทั้งยังมีรสชาติและรูปแบบการซื้อขายที่ตอบสนองกับพฤติกรรมของผู้สูบมากกว่า จากการสำรวจสุ่มเก็บซองบุหรี่ที่ถูกทิ้ง พบว่าสัดส่วนการบริโภคบุหรี่เถื่อนเพิ่มขึ้นจาก 25% เป็น 28% ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ สงขลา พัทลุง ภูเก็ต นครศรีธรรมราช นครราชสีมา และอุบลราชธานี ที่สถานการณ์น่าเป็นห่วงมาก เพราะมีสัดส่วนการบริโภคบุหรี่เถื่อนสูง ส่งผลให้รัฐสูญเสียรายได้ภาษีมากกว่า 25,000 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ บุหรี่เถื่อนยังมีความเสี่ยงสูงต่อสุขภาพ เพราะพบว่ามีโลหะหนักและสารก่อมะเร็งมากกว่าบุหรี่ที่ผลิตถูกต้องตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ปัญหานี้ไม่ใช่แค่เรื่องภาษีหรือคุณภาพสินค้า แต่การลักลอบซื้อขายบุหรี่ไฟฟ้าและบุหรี่เถื่อนยังเชื่อมโยงกับอาชญากรรมข้ามชาติ หลังพบว่ามีการลักลอบปะปนนำเข้ามาพร้อมกับยาเสพติดจากเครือข่ายประเทศเพื่อนบ้าน เนื่องจากพื้นที่ลักลอบนำเข้าตามแนวชายแดนมีความเกี่ยวข้องกับเส้นทางลักลอบลำเลียงขนส่งยาเสพติด ดังนั้น เครือข่ายที่ลักลอบจำหน่ายสินค้าเถื่อนเหล่านี้ย่อมเข้าใจดีถึงอุปสงค์ (Demand) และอุปทาน (Supply) ของผู้บริโภคและเครือข่ายกระจายสินค้า รัฐบาลจึงได้ประกาศเดินหน้าปราบปรามปัญหาบุหรี่เถื่อนควบคู่ไปกับบุหรี่ไฟฟ้าอย่างจริงจัง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ เปิดเผยว่ามีแผนปฏิบัติการทั้งระยะเร่งด่วน ระยะสั้น และระยะยาว โดยจะขับเคลื่อนปฏิบัติการปราบปรามบุหรี่เถื่อนเชิงรุก รวม 3 แนวทาง ได้แก่ ปราบปรามแนวชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคใต้ และภาคตะวันตก เพื่อปิดช่องทางลักลอบนำเข้าผ่านช่องทางธรรมชาติ ทั้งทางบกและทางทะเล ภายใต้แผนเฉพาะกิจการปราบปรามบุหรี่ผิดกฎหมาย ตรวจสอบและดำเนินคดีกับร้านค้าที่ลักลอบจำหน่ายทั้งหน้าร้านและออนไลน์ ตัดวงจรการซื้อขายผ่านโซเชียลมีเดีย โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมรับหน้าที่ปิดกั้นเว็บไซต์ เพจ และ URL ที่เกี่ยวข้อง สอดคล้องกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในฐานะหน่วยงานที่รับผิดชอบด้านการใช้กฎหมาย ที่ก็มีแผนควบคุมบุหรี่เถื่อนใน 3 ระยะ (เร่งด่วน-สั้น-ยาว) เช่นกัน โดยเร่งดำเนินการสืบสวน จับกุม และเพิ่มโทษผู้กระทำผิดเพื่อช่วยลดอุปสงค์ของตลาดมืด พร้อมรณรงค์ให้ประชาชนรับรู้ถึงผลกระทบด้านสุขภาพและเศรษฐกิจ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้บุหรี่เถื่อนลดปริมาณลง เนื่องจากปริมาณความต้องการสินค้าของผู้บริโภคที่ลดลง จนทำให้ผู้ค้าไม่สามารถลักลอบเปิดตลาดขายบุหรี่เถื่อนได้ในที่สุด โดย พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เผยว่าบุหรี่เถื่อนมักถูกลักลอบเข้าทางเรือ โดยปะปนมากับสินค้าถูกกฎหมาย จึงสั่งการให้ตำรวจน้ำและหน่วยปฏิบัติการชายฝั่งเข้มงวดตรวจสอบ พร้อมขยายผลไปยังเครือข่ายค้ายาเสพติดและการค้ามนุษย์ ซึ่งมักมีความเกี่ยวข้องกัน การปราบปรามบุหรี่เถื่อนจึงต้องดำเนินการแบบครบวงจร ตั้งแต่ “ต้นน้ำ” ด้วยการสกัดกั้นตามแนวชายแดน “กลางน้ำ” ด้วยการตรวจสอบเส้นทางลำเลียง และ “ปลายน้ำ” ด้วยการจับกุมและดำเนินคดีกับร้านค้าและผู้ค้ารายย่อย รวมถึงตัดช่องทางการขายในโลกออนไลน์ รัฐบาลเชื่อว่า หากมาตรการเหล่านี้ได้ผล จะสามารถเพิ่มรายได้จากภาษี ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านสาธารณสุข และลดจำนวนผู้ป่วยจากการสูบบุหรี่ได้ในระยะยาว แต่หากปล่อยให้ตลาดมืดบุหรี่เถื่อนเติบโตต่อไป ภาษีที่รัฐควรได้จะหายไป สุขภาพประชาชนจะทรุดลง และวันหนึ่งเราอาจต้องเผชิญ “วิกฤตสาธารณสุขระดับชาติ” ที่สายเกินกว่าจะแก้ไข ขอบคุณภาพและเนื้อหาจาก https://www.dailynews.co.th/

อ่านต่อ

สมัครสมาชิก

สำหรับผู้ประกอบกิจการการค้าผลิตภัณฑ์ยาสูบ และ หรือวิสาหกิจ ในทางการค้าอื่นที่เกี่ยวข้องกับการค้า ผลิตภัณฑ์ยาสูบโดยตรง อัตราค่าลงทะเบียนแรกเข้า 200 บาท และค่าบำรุงสมาคม 100 บาท / 2 ปี (ปีละ 50 บาท เก็บทุกๆ สองปี)

สมาชิกประเภทวิสามัญ สำหรับผู้มีความสนใจหรือมีความรู้เกี่ยวกับยาสูบหรือ ผลิตภัณฑ์ยาสูบหรือ ผู้ประกอบวิสาหกิจในทางการค้า อุตสาหกรรม หรือการเงิน การขนส่งยาสูบ หรือผลิตภัณฑ์ยาสูบ หรือธุรกิจใดๆ อันเกี่ยวเนื่องกับยาสูบ หรือ ผลิตภัณฑ์ยาสูบ อัตราค่าลงทะเบียนแรกเข้า 1,000 บาท และค่าบำรุงสมาคม 1,000 ต่อปี

แจ้งเบาะแสบุหรี่ผิดกฎหมาย

พบเห็นการซื้อขายบุหรี่ผิดกฎหมาย สามารถแจ้งผ่านช่องทางออนไลน์ของทางสมาคม และสมาคมจะนำข้อมูลเหล่านี้ยื่นต่อหน่อยงานรัฐที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ผู้ที่แจ้งเบาะแสสามารถติดตามผลการแจ้งได้โดยใส่รหัสอ้างอิงที่ได้รับ

แจ้ง
เบาะแส